เคล็ดลับเลือกความเข้มฟิล์มกรองแสงรถยนต์
ในเมืองร้อนอย่างประเทศไทย สิ่งจำเป็นที่จะขาดไม่ได้สำหรับรถยนต์คือการติดตั้งฟิล์มกรองแสง เนื่องจากสิ่งนี้เปรียบเสมือนปราการด่านสำคัญที่จะช่วยปกป้องทุกคนในห้องโดยสารให้รอดพ้นจากการโดนแสงแดดแผดเผา ซึ่งจะนำไปสู่ปัญหาสุขภาพอีกนานาประการ ร้ายแรงที่สุดคือมะเร็งผิวหนังที่อันตรายถึงชีวิต
อย่างไรก็ตาม ฟิล์มกรองแสงมีระดับความเข้มที่หลากหลาย หลายคนจึงยังไม่แน่ใจว่าควรจะเลือกระดับความเข้มเท่าไรให้เหมาะสมกับการใช้งานมากที่สุด บทความนี้จะมาไขข้อสงสัยดังกล่าวให้กระจ่าง เพื่อให้คุณสามารถเลือกซื้อได้อย่างตรงใจที่สุด
ความเข้ม 40%
40% คือระดับความเข้มของฟิล์มกรองแสงรถยนต์ที่ต่ำที่สุด จากภายนอกยังสามารถมองเห็นภายในห้องโดยสารได้ชัดเจนพอสมควร ดังนั้นจึงเหมาะกับคนที่ไม่ต้องการให้กระจกรถยนต์คู่ใจดำมืดจนเกินไป แต่ในทางตรงกันข้าม ความเป็นส่วนตัวก็น้อยกว่าการใช้ความเข้มที่ระดับสูงกว่านี้ด้วยเช่นกัน เรื่องนี้ความชอบขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล
สำหรับความเข้ม 40% มีอัตราลดความร้อนจากแสงแดดได้ 84 % ลดความร้อนรวมในห้องโดยสาร 61 % ลดแสงผ่าน 33% ลดสะท้อนแสง 11 % ป้องกัน UV 99 % ป้องกัน IR 94 %
ความเข้ม 50%
ขยับความเข้มขึ้นมาอีกระดับ ที่ 50% ซึ่งถือเป็นหนึ่งในความเข้มที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เนื่องจากความพอดี ไม่มืดหรือสว่างเกินไป สมดุลในทุกด้าน ทั้งประสิทธิภาพในการป้องกันแสงแดดและความร้อน รวมถึงความเป็นส่วนตัวภายในห้องโดยสาร เนื่องจากความเข้ม 50% กระจกจะมืดกว่าความเข้ม 40 % เล็กน้อย
สำหรับความเข้ม 50% มีอัตราลดความร้อนจากแสงแดดได้ 83 % ลดความร้อนรวมในห้องโดยสาร 60 % ลดแสงผ่าน 26% ลดสะท้อนแสง 5 % ป้องกัน UV 99 % ป้องกัน IR 96 %
ความเข้ม 60%
อีกหนึ่งระดับความเข้มของฟิล์มกรองแสงรถยนต์ยอดนิยมคือ 60% ด้วยเหตุผลที่ไม่ต่างกับความเข้ม 50% มากนัก ทั้งในแง่ประสิทธิภาพในการป้องกันแสงแดดและกันร้อน ส่วนความเป็นส่วนตัวภายในห้องโดยสารก็เพิ่มขึ้นเล็กน้อยตามระดับความเข้มที่มากขึ้น
โดยความเข้มระดับนี้ถือว่าสูงเกินไปสำหรับรถยนต์โดยสารสาธารณะ เนื่องจากภายนอกจะมองเห็นภายในไม่ชัดนัก ทำให้มีความเสี่ยงที่จะเกิดอาชญากรรมมากกว่า แต่สำหรับรถยนต์ส่วนตัว นี่คือระดับความเข้มที่พอดี ตอบโจทย์การใช้งาน สามารถขับขี่ภายใต้แสงแดดร้อนได้อย่างไร้กังวล
สำหรับความเข้ม 60% มีอัตราลดความร้อนจากแสงแดดได้ 88 % ลดความร้อนรวมในห้องโดยสาร 64 % ลดแสงผ่าน 21% ลดสะท้อนแสง 11 % ป้องกัน UV 99 % ป้องกัน IR 99 %
ความเข้ม 70%
70% ถือเป็นระดับความเข้มของฟิล์มกรองแสงรถยนต์ที่เกือบจะสูงที่สุดแล้ว ดังนั้นประสิทธิภาพในการป้องกันความร้อนจึงค่อนข้างสูง แต่ก็ต้องแลกมาด้วยกับกระจกที่มืดเกือบสนิท ภายนอกมองไม่เห็นห้องโดยสาร บางคนอาจไม่ชื่นชอบเท่าไรนัก ขณะที่บางคนก็มองว่าความเข้มระดับนี้จะช่วยให้รถคู่ใจเท่โฉบเฉี่ยวขึ้น เพิ่มมิติสปอร์ตมากขึ้นกว่าที่เคย
สำหรับความเข้ม 70% มีอัตราลดความร้อนจากแสงแดดได้ 92 % ลดความร้อนรวมในห้องโดยสาร 66 % ลดแสงผ่าน 10% ลดสะท้อนแสง 11 % ป้องกัน UV 99 % ป้องกัน IR 99 %
ความเข้ม 80%
แล้วก็มาถึงความเข้มสูงที่สุดของฟิล์มกรองแสงกันความร้อน ที่ระดับ 80% เหตุผลหลักที่ทำให้คนตัดสินใจเลือกใช้ความเข้มระดับที่สูงขนาดนี้มี 2 ประการ
ประการแรกคือประสิทธิภาพในการป้องกันความร้อนและแสงแดดซึ่งถือว่าสูงมาก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการขับขี่ที่สมบุกสมบัน พร้อมลุยไปในพื้นที่ที่มีอุณหภูมิสูง แสงแดดร้อนแรงที่ระดับความเข้มของฟิล์มกรองแสงที่ต่ำกว่านี้ไม่สามารถป้องกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยเหตุนี้ความเข้ม 80% จึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
ประการที่ 2 ความเข้มระดับ 80% ตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการให้ภายในห้องโดยสารรถยนต์เป็นพื้นที่ส่วนตัวอย่างสมบูรณ์ เนื่องจากกระจกทุกด้านจะมืดสนิท และแทบไม่มีทางที่ภายนอกจะมองเข้ามาเห็น นอกจากจะเข้ามาส่องในระยะประชิด แต่ความมืดทึบเช่นนี้ก็เปรียบเสมือนดาบสองคม หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น คนภายนอกก็ยากที่จะรู้ ทำให้การช่วยเหลืออาจเป็นไปอย่างล่าช้า
สำหรับความเข้ม 80% มีอัตราลดความร้อนจากแสงแดดได้ 91 % ลดความร้อนรวมในห้องโดยสาร 64 % ลดแสงผ่าน 5% ลดสะท้อนแสง 5 % ป้องกัน UV 99 % ป้องกัน IR 95 %